นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านไฮบริด-มัลติคลาวด์คอมพิวติ้ง เผยผลสำรวจดัชนีการใช้คลาวด์ระดับองค์กร (Enterprise Cloud Index: ECI)

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย - 24 มกราคม 2565 - นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านไฮบริด-มัลติคลาวด์คอมพิวติ้ง เผยผลสำรวจดัชนีการใช้คลาวด์ระดับองค์กร (Enterprise Cloud Index: ECI) ที่ทำการสำรวจติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยทำการประเมินความก้าวหน้าในการใช้คลาวด์ขององค์กร การสำรวจพบว่ามัลติคลาวด์เป็นรูปแบบที่มีการนำมาใช้งานมากที่สุดในปัจจุบัน และการใช้งานจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 64% ในอีกสามปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนในการจัดการกับข้อจำกัดต่าง ๆ ของคลาวด์ทุกประเภทยังคงเป็นความท้าทายสำคัญขององค์กร โดย 87% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่า การจะใช้มัลติคลาวด์ให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีการจัดการโครงสร้างพื้นฐานการใช้ระบบคลาวด์แบบผสมที่ง่ายขึ้น ทั้งนี้ 83% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่า ไฮบริด-มัลติคลาวด์เป็นรูปแบบที่มีความเหมาะสมต่อการใช้งาน เพื่อแก้ปัญหาความท้าทายสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการทำงานร่วมกัน การรักษาความปลอดภัย ต้นทุน และการบูรณาการข้อมูล

 

นายราจีฟ รามาสวามี ประธานและซีอีโอนูทานิคซ์ กล่าวว่า “ในขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ พิจารณาและใช้ไอทีในเชิงกลยุทธ์มากขึ้นกว่าก่อน ความซับซ้อนของมัลติคลาวด์ก็กำลังสร้างความท้าทายมากมายที่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จในการใช้คลาวด์ การแก้ไขความซับซ้อนเหล่านี้ ทำให้เกิดไฮบริด-มัลติคลาวด์รูปแบบใหม่ขึ้น ซึ่งทำให้คลาวด์เป็นรูปแบบในการทำงาน มากกว่าเป็นเพียงเป้าหมายปลายทางเท่านั้น”

การสำรวจครั้งนี้ ได้สอบถามผู้ตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับความท้าทายของการใช้คลาวด์ที่องค์กรพบเจอ ปัจจุบันองค์กรใช้งานแอปพลิเคชันทางธุรกิจบนระบบใด และวางแผนว่าจะใช้บนระบบใดในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผลต่อการตัดสินใจด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนกลยุทธ์และลำดับความสำคัญด้านไอทีที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าว

ผลสำรวจสำคัญจากรายงานครั้งนี้ ประกอบด้วย

ความท้าทายอันดับต้น ๆ ในการใช้มัลติคลาวด์ประกอบด้วย
การจัดการความปลอดภัย (49%), การเชื่อมโยงข้อมูล (49%) และค่าใช้จ่ายในการใช้คลาวด์ข้ามประเภท (43%) แม้มัลติคลาวด์จะเป็นรูปแบบที่ใช้งานมากที่สุด และเป็นเพียงรูปแบบเดียวที่คาดว่าจะมีการใช้งานเพิ่มขึ้น แต่องค์กรส่วนใหญ่ยังต้องฝ่าฟันกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการใช้คลาวด์หลายประเภทร่วมกัน ทั้งที่เป็นไพรเวทและพับลิคคลาวด์ ความท้าทายเหล่านี้จะยังคงอยู่ และ ผู้นำด้านไอทีต่างตระหนักมากขึ้นว่า ไม่มีวิธีการใช้คลาวด์วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสมกับการทำงานทุกอย่าง ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ไฮบริด มัลติคลาวด์ ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานด้านไอทีที่สามารถประสานให้คลาวด์หลายประเภท ทั้งไพรเวทและพับลิคทำงานร่วมกันได้เป็นวิธีการที่เหมาะสม

 

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการทำงานเกือบทั้งหมดขององค์กร และมัลติคลาวด์สามารถรองรับวิธีการทำงานแบบใหม่นี้
ผู้ตอบแบบสำรวจเกินครึ่ง (61%) กล่าวว่าการระบาดครั้งนี้ทำให้ต้องให้ความสำคัญกับการจัดให้มีการทำงานแบบยืดหยุ่นมากขึ้น องค์กรส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่า ไม่ว่าจะมีพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมากขึ้นหรือน้อยลงก็ตาม การทำงานในลักษณะนี้จะยังคงดำเนินต่อเนื่องไปในอนาคตอันใกล้ มัลติคลาวด์มีสภาพแวดล้อมไอทีที่คล่องตัว สามารถตอบสนองความต้องการด้านความยืดหยุ่นนี้ได้ ด้วยการกระจายข้อมูลไปยังจุดใช้งานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย และเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ

การเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชันคือสิ่งสำคัญที่สุด ในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา
องค์กรเกือบทั้งหมด (91%) ได้ย้ายแอปพลิเคชันหนึ่งรายการหรือมากกว่านั้นไปยังสภาพแวดล้อมไอทีใหม่ อย่างไรก็ตาม 80% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นตรงกันว่า การย้ายเวิร์กโหลดไปยังสภาพแวดล้อมคลาวด์รูปแบบใหม่อาจใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง ผู้ตอบแบบสำรวจให้เหตุผลในการย้ายเวิร์กโหลดว่า ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด (41%) ตามด้วยเรื่องประสิทธิภาพ (39%) และความสามารถในการควบคุมการทำงาน (38%)

 

· องค์กรต่าง ๆ ใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีในเชิงกลยุทธ์เพิ่มขึ้น
เกือบสามในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถาม (72%) ระบุว่า ฟังก์ชันด้านไอทีในองค์กรของตนได้มีการนำมาใช้ในเชิงกลยุทธ์มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ผู้ตอบแบบสำรวจได้ระบุถึงเหตุผลทางธุรกิจในการเปลี่ยนรูปแบบของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เพื่อปรับปรุงการทำงานระยะไกลและการทำงานร่วมกัน (40%), เพื่อสนับสนุนลูกค้าได้ดีขึ้น (36%) และเพื่อเสริมสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจ (35%) นอกจากนี้พวกเขายังได้เริ่มจับคู่เวิร์กโหลดแต่ละชนิดให้ใช้งานบนโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมที่สุดอย่างมีแบบแผน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความปลอดภัย (41%), ประสิทธิภาพ (39%) และค่าใช้จ่าย (31%) ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหลักระดับต้น ๆ ในการปรับใช้มัลติคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

แวนสัน บอร์น ได้ทำการสำรวจนี้ในนามของนูทานิคซ์เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน โดยทำการสอบถามผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีจำนวน 1,700 คนทั่วโลก เมื่อเดือนสิงหาคมและกันยายน 2564 ผู้ตอบแบบสำรวจอยู่ในอุตสาหกรรมหลายประเภท ในองค์กรหลากหลายขนาด ในภูมิภาคอเมริกา, ยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ท่านสามารถดาวน์โหลดรายงานดัชนีการใช้คลาวด์ระดับองค์กรฉบับเต็มของนูทานิคซ์ได้ที่นี่

เกี่ยวกับนูทานิคซ์

นูทานิคซ์เป็นผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์คลาวด์ และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ ให้บริการระบบคลาวด์ที่เสมือนไร้ตัวตน ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลและให้ความสำคัญกับงานที่สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้มากขึ้น องค์กรทั่วโลกใช้ซอฟต์แวร์ของนูทานิคซ์เพื่อใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเพียงแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถบริหารจัดการ แอปพลิเคชันใดก็ได้ไม่ว่าแอปพลิเคชันนั้นจะติดตั้งใช้งาน ณ ที่ใดก็ตาม ในสภาพแวดล้อมไฮบริด มัลติคลาวด์ขององค์กร

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nutanix.com หรือติดตามนูทานิคซ์ทางทวิตเตอร์ @nutanix

© 2022 Nutanix, Inc. All rights reserved. Nutanix, the Nutanix logo, and all Nutanix product and service names mentioned herein are registered trademarks or trademarks of Nutanix, Inc. in the United States and other countries. Other brand names mentioned herein are for identification purposes only and may be the trademarks of their respective holder(s). This release may contain links to external websites that are not part of Nutanix.com. Nutanix does not control these sites and disclaims all responsibility for the content or accuracy of any external site. Our decision to link to an external site should not be considered an endorsement of any content on such a site. Certain information contained in this press release may relate to or be based on studies, publications, surveys and other data obtained from third-party sources and our own internal estimates and research. While we believe these third-party studies, publications, surveys and other data are reliable as of the date of this press release, they have not independently verified, and we make no representation as to the adequacy, fairness, accuracy, or completeness of any information obtained from third-party sources.

This release may contain express and implied forward-looking statements, which are not historical facts and are instead based on our current expectations, estimates and beliefs. The accuracy of such statements involves risks and uncertainties and depends upon future events, including those that may be beyond our control, and actual results may differ materially and adversely from those anticipated or implied by such statements. Any forward-looking statements included herein speak only as of the date hereof and, except as required by law, we assume no obligation to update or otherwise revise any of such forward-looking statements to reflect subsequent events or circumstances.

Share this post

Submit to FacebookSubmit to TwitterSubmit to LinkedIn