บทความใหม่

กิจกรรมที่กำลังมาถึง

เอชทีซีเชื่อ3จีกระตุ้นสมาร์ทโฟน

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

เอชทีซี   เผยเปิดบริการ 3 จี  พ.ค.นี้  กระตุ้นผู้บริโภค เปลี่ยนฟีเจอร์โฟนเป็น "สมาร์ทโฟน"เชื่อตลาดไทยยังโตต่อเนื่อง   ล่าสุดเตรียมผนึก โอเปอเรเตอร์ 3 ค่ายยักษ์  ปล่อยสินค้าเรือธง "เอชทีซี วัน" ลุยตลาด  ลั่นขอมีเอี่ยวส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3  สมาร์ทโฟนเมืองไทย

 

 

 

นางเซอร์ป้า อีกอร์ล่า ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดภาคพื้นเอเชียใต้ บริษัท เอชทีซี จำกัด เปิดเผยว่าการเปิดบริการ 3 จีของโอเปอเรเตอร์  ทั้ง เอไอเอส ดีแทค  และทรู ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะเป็นตัวผลักดันให้ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนเครื่องจากฟีเจอร์โฟนเป็นสมาร์ทโฟนมากขึ้น   ในเวลาเดียวกันนั้นผู้ใช้สมาร์ทโฟนราคาต่ำ  ก็จะมีการเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนที่ราคาสูงขึ้น      ซึ่งมองว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลดีกับผู้ผลิตทุกรายไม่ใช่เฉพาะเอชทีซี  
" การเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเมื่อเทียบประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียน จะไม่เห็นการเติบโตขึ้นก้าวกระโดด  แต่จะมีการเติบโตแบบต่อเนื่องมากกว่า  โดยสมาร์ทโฟนในระดับบนหรือ ไฮเอนด์นั้น  ยังมีตัวเลขการเติบโตไม่มาก แต่เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นในปลายปีนี้แน่นอน"
อย่างไรก็ตามมองว่าการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนจะรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน   โดยคู่แข่งขันมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น   ซึ่งมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีในการแข่งขัน  โดยเฉพาะผู้บริโภคที่มีตัวเลือกของสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น   และเป็นของเอชทีซีที่จะได้พิสูจน์ตัวเองในแง่ของคุณภาพของสินค้าด้วยโดยจะใช้เครื่องมือที่สำคัญคือการบอกต่อจากคนที่ใช้จริงๆการสร้างกระแสบอกต่อปากต่อปาก   หรือ ทอล์กออฟเดอะ ทาวน์ จากคนที่สัมผัสแล้วรู้สึกว่าดีจริงๆ หรือการใช้ผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค  (Influencer) ที่เป็นผู้ใช้งานจริงๆ
สำหรับทิศทางของเอชทีซีนั้นมีแผนวางตลาดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตามยังไม่ได้สรุปแน่นอน  แต่คาดว่าอาจะมีประมาณ 5 รุ่น    โดยล่าสุดได้เตรียมวางจำหน่ายเอชทีซี  วัน  ซึ่งถือเป็นโปรดักส์เรือธงของปีนี้  ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2556 นี้   โดยเอชทีซี วัน มีฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ  ที่ตอบโจทย์การเปิดให้บริการ 3จี ในไทยปีนี้ ทั้งในแง่ของโอเปอเรเตอร์เองและพาร์ตเนอร์ในประเทศไทยด้วย
ที่มา-http://www.thanonline.com

Share this post

Submit to FacebookSubmit to TwitterSubmit to LinkedIn